e-learning

E-learning สื่อการเรียนรู้ที่ได้ทำลายกรอบการเรียนรู้แบบเดิมๆ

การเข้าสู่ยุคของดิจิทัลไม่เพียงแต่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาขับเคลื่อนการใช้ชีวิตของผู้คนเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้ประยุกต์ใช้กับการศึกษา โดยพลิกโฉมจากการเรียนการสอนแบบเดิมให้กลายเป็นรูปแบบที่น่าสนใจมากขึ้น และตัวผู้เรียนเองก็ยังสามารถเข้าถึงการเรียนรู้เหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ผ่านอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ต

การเรียนรู้ที่ว่านี้คือ ระบบ E-learning สื่อการเรียนรู้ที่ได้ทำลายกรอบการเรียนรู้แบบเดิมๆ และทำให้การเรียนรู้เป็นกลายเป็นสิ่งที่ไร้พรมแดน

มาดูกันว่า E-learning คืออะไร และระบบการเรียนรู้นี้มีความสำคัญกับระบบการศึกษาในอนาคตอย่างไรบ้าง

E-learning คือ การเรียนรู้ผ่านตัวกลางที่เป็นสื่อเทคโนโลยีหรือสื่อออนไลน์ ที่ช่วยลดข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่เรียน โดยผู้สอนสามารถนำเสนอไอเดียการเรียนรู้ได้หลากหลายรูปแบบ และทางผู้เรียนก็สามารถเลือกเรียนในเรื่องที่ตนเองต้องการได้

อะไรบ้างที่เป็นการเรียนในระบบ E-learning

1. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
2. การสอนบนเว็บไซต์
3. การเรียนออนไลน์
4. การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม

ทำไมถึงต้องใช้ระบบ E-learning ในการเรียน

การเรียนรู้ผ่านระบบ E-learning นั้นมีความแตกต่างจากการเรียนในห้องเรียนแบบเดิมอย่างชัดเจน ที่จากเดิมต้องเรียนในช่วงเวลาตามตารางเรียน และบางครั้งเกิดการรบกวนจากสภาพแว้ดล้อม ทำให้ได้สาระการเรียนรู้ที่ไม่ครบถ้วน การเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์จึงเข้ามาช่วยลบข้อเสียในส่วนนี้ ซึ่งได้แก่

1. สามารถเลือกจัดตารางเรียนเองได้
เมื่อการสื่อสารเรียนรู้ถูกนำเข้าสู่โลกออนไลน์ ผู้เรียนจึงสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลาและจากที่ไหนก็ได้ ทำให้การเลือกเรียนผ่านออนไลน์นั้น ผู้เรียนสามารถเลือกจัดเวลาเรียนด้วยตนเองตามความสะดวกในการเรียนได้เลย

2. ช่วยสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้น
การเรียนรู้ผ่านระบบ E-learning ถูกปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอหรือการสอนไปได้หลายรูปแบบ เพื่อทำให้ผู้เรียนได้รับความตื่นตาตื่นใจในขณะที่เรียน รวมถึงสามารถใส่สื่อช่วยสอนได้หลายประเภท เช่น วิดิโอ เสียง กราฟิก เป็นต้น เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาได้เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใส่ เกม(Gamification) แบบทดสอบ หรือการบ้าน ลงไปในสื่อการสอนออนไลน์เพื่อให้ผู้เรียนนำไปทำเพื่อเพิ่มความเข้าใจในเนื้อหาได้เช่นเดียวกัน

3. สามารถเลือกเรียนซ้ำหรือข้ามเนื้อหาได้
บนสื่อการสอนที่เป็นรูปแบบวิดิโอ มีการแบ่งเนื้อหาตามบทเรียนให้ชัดเจน และทำให้ผู้เรียนสามารถเลือกกลับมาเรียนซ้ำได้ ในกรณีที่ไม่เข้าใจในเนื้อหา หรือสำหรับคนที่เคยเข้าใจในบางส่วนของเนื้อหาแล้วก็สามารถกดข้ามไปเรียนบทอื่นได้

4. สามารถโต้ตอบกับผู้สอนได้หลากหลายช่องทาง
หนึ่งในสิ่งที่หลายคนกังวลเมื่อต้องเรียนผ่านระบบออนไลน์คือ การโต้ตอบกับผู้สอนในกรณีที่อยากถามคำถามนั้นทำได้ยาก เพราะบางคอร์สเรียนเป็นรูปแบบวิดิโอที่อัดเอาไว้ ทำให้หลายแหล่งเรียนรู้จัดทำช่องทางให้ผู้เรียนสามารถถามคำถาม หรือแสดงความคิดเห็นกับผู้สอนได้ เช่น ช่องคอมเมนต์ หรือการจัดนัดพูดคุยส่วนตัวระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน

e-learning

ระบบ E-learning มีสำคัญต่อระบบการศึกษาอย่างไร

E-learning เป็นการนำเอกสารการสอนมาปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล จากนั้นจึงนำขึ้นสู่บนเว็บไซต์หรือระบบที่ผู้เรียนสามารถเข้าถึงได้ ทำให้ระบบการเรียนรู้ผ่านระบบดิจิทัลนี้สามารถทำลายกรอบการเรียนรู้แบบเดิมไปได้เลย ผู้คนไม่จำเป็นต้องเรียนแต่เฉพาะในห้องเรียน แต่สามารถเรียนด้วยตัวเองไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่ก็ได้

ตัวอย่างของการนำ E-learning ไปใช้ในระบบการศึกษา ได้แก่

1. การเรียนรู้กับผู้ใหญ่ในวัยทำงาน
สำหรับการทำงานในวัยผู้ใหญ่นั้น ยิ่งมีอายุหรือตำแหน่งงานที่สูงขึ้น การแบ่งเวลาว่างไปเรียนต่อหรือหาความรู้ในห้องเรียนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สถานศึกษาหลายแห่งรวมถึงสถาบันที่ทำการสอนเฉพาะด้านจึงมีการนำเอา E-learning มาประยุกต์ใช้เป็นการเรียนรูปแบบออนไลน์ที่ช่วยให้คนทำงานที่มีเวลาน้อยได้จัดตารางเรียนของตนเองให้เหมาะสม

ซึ่งการสอนในผู้ใหญ่วัยทำงานนั้น เนื้อหาและรูปแบบการสอนต้องไม่เหมือนกับคนทั่วไปอย่างแน่นอน เพราะกลุ่มคนเหล่านี้มักมีประสบการณ์ในการทำงานมายาวนาน จึงไม่ได้อยากเรียนรู้แค่เฉพาะเนื้อหาที่จำเป็น แต่พวกเขายังคาดหวังที่จะได้ การเรียนแบบโต้ตอบการผู้สอน กรณีศึกษาจากเคสที่เกิดขึ้นจริง เกมการแก้ปัญหา ไปจนถึงการมีกิจกรรมในการสร้างการเรียนรู้ที่ไม่ใช่เพียงแค่การนั่งฟังการอธิบายเพียงอย่างเดียว

2. การเรียนรู้เพื่อปรับใช้ในองค์กร
องค์กรส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์ของ E-learning ในการเพิ่มความรู้และสามารถเสริมให้กับพนักงาน ซึ่งมีจุดประสงค์เพิ่มเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานของทั้งคนและองค์กรให้มีการพัฒนาอยู่เสมอ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ลดต้นทุนการเทรนนิ่งของพนักงานและหันไปใช้ระบบการเรียนรู้แบบออนไลน์แทน โดยการเรียนรู้จะมีเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงไปตามลักษณะการทำงานของแต่ละหน่วยงาน และผู้ที่ทำการสอนนั้นก็เป็นคนในวงการนั้นโดยเฉพาะ เช่น การใช้งาน Microsoft Office การตลาดออนไลน์ การออกแบบพื้นฐาน ซึ่งเมื่อเรียนจบแล้วผู้เรียนสามารถนำเอาความรู้นั้นไปใช้ในสายงานได้จริง นอกจากนี้แล้วบุคคลทั่วไปที่ต้องการทำงานในสายงานที่ไม่เคยทำมาก่อน ก็สามารถการเข้าเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์ก่อนก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนสายงานได้เช่นกัน

3. การศึกษาในระบบออนไลน์ของสถานศึกษา
สถานศึกษาหลายแห่งได้นำ E-learning ไปใช้สำหรับการออกแบบหลักสูตรการเรียนรู้แบบออนไลน์แล้ว เห็นได้จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่มีการเปิดให้คนที่สนใจเรียนต่อในสายที่ตนเองสนใจ สามารถลงทะเบียนเป็นผู้เรียนในหลักสูตรออนไลน์ได้ ซึ่งการเรียนในรูปแบบออนไลน์นี้ ช่วยให้ผู้เรียนสามารถแบ่งเวลาเองได้ รวมถึงคนที่ต้องการทำงานไปด้วยและเรียนต่อไปด้วยก็สามารถทำได้สะดวกมากขึ้น

ทิศทางของการเรียนผ่านระบบออนไลน์ในอนาคต

ในอนาคตการเรียนรู้ผ่านรูปแบบออนไลน์จะเติบโตไปอีกหลายเท่าตัว เนื่องจากสถานศึกษา องค์กร และผู้เรียนออนไลน์ทั่วโลกได้เริ่มให้ความสำคัญกับการเรียนรู้บนโลกออนไลน์มากขึ้น ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็วผ่านอุปกรณ์ที่มีอยู่ที่บ้าน

ซึ่งในขณะนี้เองการเรียนรู้แบบออนไลน์มีให้เลือกเรียนได้หลากหลายหัวข้อ ผู้คนสามารถเลือกเรียนได้ตามความสนใจของตนเอง และเมื่อเรียนจบแล้วก็ได้รับเป็นใบประกาศที่สามารถยืนยันว่าผู้เรียนได้ผ่านการเรียนรู้ในเรื่องเหล่านั้นมาแล้ว และความรู้เหล่านั้นก็สามารถนำมาใช้ได้จริงๆ ในการทำงานรวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันได้

ทำให้ในอนาคตการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์หรือ E-learning จะสามารถเติบโตและกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางของการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถเลือกเองได้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ caribbean-vacation-properties.com

Releated